
1. ควบคุมทรงพุ่มให้สูงประมาณ 3 เมตรเพื่อความสะดวกในการจัดการ

2. แต่งกิ่งให้โปร่งเพื่อให้แสงส่องได้ทั่วถึงเป็นการลดการสะสมของเชื้อโรคและแมลง

3. ต้องซอยผลที่ไม่สมบูรณ์ออก

4. ซอยผลให้เหลือเพียงช่อละ 1-2ผลเท่านั้น

5. ระยะห่อผลเมื่อมีความยาวผลประมาณ 10 cm

6.ควรห่อในระยะผลโตเท่าไข่ไก่เพื่อป้องกันแมลงเจาะวางไข

7. ก่อนห่อผล 1 วันต้องพ่นเคมีฆ่าเชื้อราและกำจัดแมลงศัตรูพืช

8. สารเคมีที่ใช้พ่นต้องคนให้ละเอียดไม่ให้ตกตะกอน

9. ควรเลือกใช้หัวพ่นยาที่พ่นฝอยละเอียดที่สุด

10. หมั่นตรวจดูบ่อยๆแล้วพ่นยาตามอาการ

11. ต้องพ่นยาฆ่าเชื้อราให้ทั่วถึง

12. ผลจากการไม่พ่นยาฆ่าเชื้อราก่อนการห่อผล

13. ต้องระวังยางไหลจากการตัดก้านช่อ

14. ผลจากยางไหลเปื้อนผล หรือสารเคมีที่ยังไม่แห้งแบ้วทำการห่อผล : จะทำให้กระดาษสีดำด้านในถุงห่อผล ติดผลมะม่วงได้
(ควรห่อผลหลังการพ่นสารเคมี 3ชั่วโมง เพื่อรอให้ผลแห้ง)

15 .เพื่อการส่งออกใช้ถุงใหม่เสมอ

16 .ก่อนการเก็บถุงเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ควรเก็บในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
( ❈ แนะนำให้ใช้รอบเดียว เพื่อให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพ เป็นการป้องกันเชื้อที่อาจติดมาจากรอบแรกของการใช้งานได้ )

17. ต้องคัดถุงห่อที่ยังมีคุณภาพดี
( ❈ แนะนำให้ใช้รอบเดียว เพื่อให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพ เป็นการป้องกันเชื้อที่อาจติดมาจากรอบแรกของการใช้งานได้ )

18.ถุงใบที่ชำรุดไม่ควรนำกลับมาใช้ใหม่
( ❈ แนะนำให้ใช้รอบเดียว เพื่อให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพ เป็นการป้องกันเชื้อที่อาจติดมาจากรอบแรกของการใช้งานได้ )

19. ผลของการใช้ถุงห่อที่ชำรุด
( ❈ แนะนำให้ใช้รอบเดียว เพื่อให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพ เป็นการป้องกันเชื้อที่อาจติดมาจากรอบแรกของการใช้งานได้ )

20. ต้องคัดเลือกถุงที่กระดาษทั้งชั้นนอกและชั้นในยังไม่ขาด
( ❈ แนะนำให้ใช้รอบเดียว เพื่อให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพ เป็นการป้องกันเชื้อที่อาจติดมาจากรอบแรกของการใช้งานได้ )

21. ผลจากการใช้ถุงเก่าที่กระดาษสีดำภายในชำรุด
( ❈ แนะนำให้ใช้รอบเดียว เพื่อให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพ เป็นการป้องกันเชื้อที่อาจติดมาจากรอบแรกของการใช้งานได้ )

22.ถุงห่อ " 1 ใบ " ใช้ห่อมะม่วง" 1 ผล " เท่านั้น

23.การห่อผลต้องปิดปากถุงให้สนิท

24. รูปแบบการห่อผลที่ถูกต้อง
